นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. หลังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 42.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในขณะนี้ รวมทั้งวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงในการคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไป
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความต้องการที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และเตรียมส่งสัญญาณอนุมัติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดต่ำลงในเดือนธ.ค.
นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงเกินไป
รายงานดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นายฮาร์เกอร์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่สามารถสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ดังนั้นเฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
"เราต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเรารู้สึกผิดหวังต่อการขาดความคืบหน้าในการสกัดเงินเฟ้อ ผมคาดว่าเราต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับ 4% ภายในปลายปีนี้" นายฮาร์เกอร์กล่าว
นายฮาร์เกอร์ระบุว่า เฟดจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า และจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง และหลังจากนั้น เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ