นายฟรังซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาลฮาว ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกจนกว่าจะแน่ชัดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานแตะระดับสูงสุดแล้ว แต่อาจชะลอการปรับเพิ่มหากอัตราดอกเบี้ยแตะระดับที่เริ่มจำกัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในเวลาเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา ECB ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยรวมกันไปแล้วถึง 2% จนแตะระดับ 1.5% นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดคาดว่าดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 3% ในปีหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่า ECB จะยังคงเดินหน้าเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวรวดเร็วเป็นวงกว้าง
"ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังไม่ผ่านจุดพีคอย่างชัดเจน เราก็ไม่ควรหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นายฟรังซัวส์ระบุผ่านหนังสือพิมพ์ ไอริช ไทมส์
เช่นเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้นมาจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ดี แม้กระทั่งเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ก็พุ่งแตะระดับ 5% ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงเกินเป้าหมายเงินเฟ้อที่ ECB กำหนดไว้ที่ระดับ 2%
ทั้งนี้ นายวิลเลอรอยกล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซน ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.7% ในเดือนต.ค. อาจไปพีคในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 พร้อมเตือนว่าอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปีในการกดอัตราเงินเฟ้อลงสู่ระดับเป้าหมายของ ECB