ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เข้าร่วมในการประชุม BOJ เมื่อวันที่ 19-20 เดือนธ.ค.นั้น ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการ BOJ เลื่อนการแถลงมติการประชุม หลังมีสัญญาณว่า BOJ จะปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve Control - YCC) ในการประชุมครั้งนี้
รายงานการประชุมระบุว่า ตามกำหนดการนั้น การแถลงมติการประชุมของวันที่ 20 ธ.ค.จะมีขึ้นในเวลา 10.51 น. แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลขอให้เลื่อนออกไปเป็นเวลา 11.28 น.ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่จะได้ข้อสรุปและมีการแถลงในเวลา 11.54 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นการเลื่อนแถลงมติการประชุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นขอให้ BOJ เลื่อนแถลงมติการประชุมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่มีความกังวลว่าจะส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน นอกจากนี้ มติดังกล่าวก็ไม่ได้มีการหารือร่วมกันเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ตัวแทนจากกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ยอมรับคำอธิบายของ BOJ ว่า การปรับนโยบาย YCC ในการประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงกลไกลการกระตุ้นด้านการเงินที่ยั่งยืน
ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 คณะกรรมการทั้ง 9 คนของ BOJ ซึ่งรวมถึงนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9 ล้านล้านเยน (6.75 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน จากปัจจุบันที่ 7.3 ล้านล้านเยนต่อเดือน โดยมีเป้าหมายที่จะตรึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ 0%
แต่ในการประชุมวันดังกล่าว คณะกรรมการ BOJ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ด้วยการประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25% ซึ่งนักลงทุนมองว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน หลังจากที่ BOJ รักษาจุดยืนในการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ (Ultralow Rate Policy) มาเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ นายคุโรดะได้ชี้แจงภายหลังการประชุมว่า "ความผันผวนในตลาดการเงินปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ BOJ จึงตัดสินใจขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีให้สูงขึ้นจากระดับเดิมที่ +0.25% ซึ่งเป็นกรอบที่ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนบิดเบือนไปจากปัจจัยพื้นฐานของตลาด เราได้ตัดสินใจแล้วว่าขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะแก้ไขภาวะบิดเบือนนั้น และปรับปรุงกลไกตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"