นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (1 ก.พ.) โดยระบุว่า เงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง และเขามองว่าภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง (Disinflationary) ในสหรัฐเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วในขณะนี้
"นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมจะพูดว่า ภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงในสหรัฐได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว โดยนับจนถึงขณะนี้มาตรวัดเงินเฟ้อในด้านต่าง ๆ อยู่ในระดับที่ดีมาก"
"แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเราเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง แต่ภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ" นายพาวเวลกล่าว โดยเขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากการบริการที่อยู่อาศัย (housing services) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ก่อนที่จะชะลอตัวลงหลังจากนั้น
นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้งเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
"ที่ผ่านมานั้นเราได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 4.50% และเราอาจจะปรับขึ้นอีก 2-3 ครั้ง สู่ระดับที่เราคิดว่าเป็นระดับที่มีการคุมเข้มอย่างเหมาะสม ถ้าถามว่าเพราะอะไรเราจึงคิดว่านั่นเป็นสิ่งจำเป็น คำตอบก็คือ เพราะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ร้อนแรงมาก" เขากล่าว
ในระหว่างการแถลงข่าวนั้น นายพาวเวลตอบคำถามของผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเกี่ยวกับระดับของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยเขากล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 5% โดยหลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุดแล้ว อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดขณะนี้อยู่ที่ระดับ 4.50% - 4.75%
ทั้งนี้ นายพาวเวลยังคงเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรง หรือทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันเขายังคงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง แม้ว่าเฟดใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
นอกจากนี้ นายพาวเวลส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เหมือนกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยเขากล่าวว่า "เมื่อพิจารณาจากมุมมองของเราแล้ว ผมไม่คิดว่าเราจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้"