ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะไม่เข้าแทรกแซงแนวทางการจัดการเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากข้อมูลแรงงานยังคงแข็งแกร่งมาก
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตระหนักว่า ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนม.ค.นั้น เป็นเพียงแค่ข้อมูลเพียงเดือนเดียวเท่านั้น และเราควรให้ความสนใจกับข้อมูลเพิ่มเติมที่จะมีการรายงานในช่วงปลายเดือนนี้
"ทำเนียบขาวจะไม่แทรกแซงการบริหารของเฟด ในขณะเดียวกันเรามองว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในขณะนี้มีการเปิดเผยออกมาเพียงแค่เดือนเดียว นักลงทุนและประชาชนไม่ควรกังวลมากเกินไป" เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าว
การแสดงความเห็นของทำเนียบขาว มีขึ้นหลังจากนายพาวเวลได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้าย (Terminal Rate) ของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เฟดก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงหลังจากแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้ว แต่กระบวนการที่จะทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับเป้าหมาย 2% ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกลและไม่ราบรื่น และภารกิจในการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟดยังคงไม่สิ้นสุด โดยเฟดจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงของนายพาวเวล นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันจันทร์ที่ระดับ 31%
ทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะเดียวกันสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.