ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า จะจับตามองผลกระทบของการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ในสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต่อสภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินในประเทศ แต่มองว่าปัญหาดังกล่าวไม่น่าจะลุกลามเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า ในวันศุกร์ (10 มี.ค.) หน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารของสหรัฐสั่งปิดกิจการ SVB และเข้าควบคุมเงินฝากลูกค้าของธนาคาร นับเป็นกรณีธนาคารล้มครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 2551 ตามมาด้วยการล่มสลายของซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank)
"ในเวลานี้ โอกาสที่การสั่งปิด SVB และซิกเนเจอร์ แบงก์ จะส่งผลต่อความเสี่ยงเชิงระบบทั่วภาคธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ นั้น ไม่ถือว่ามากจนมีนัยสำคัญ" BOK ระบุหลังมีการประชุมทบทวนตลาด โดยมีนายลี ซึง-ฮอน รองผู้ว่าการ BOK เป็นประธานในที่ประชุม
"อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผลลัพธ์ของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐ (เปิดเผยในวันที่ 14 มี.ค.) อาจเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงินโลก" รายงานระบุ "BOK จะจับตาผลกระทบอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับตัวแปรด้านราคาต่าง ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยในประเทศ, ราคาหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงเงินทุนไหลเข้าและออก"
BOK ให้คำมั่นว่าจะ "ใช้มาตรการทำให้ตลาดมีเสถียรภาพตามความเหมาะสม หากจำเป็น"