แบล็กร็อก อินเวสต์เมนต์ อินสติติวต์ (BlackRock Investment Institute : BII) สถาบันวิจัยการลงทุนของบริษัทแบล็กร็อก อิงค์ ซึ่งเป็นผู้บริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลกคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป แม้เกิดเหตุการณ์ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ล้มก็ตาม
ทั้งนี้ BII ระบุว่า แม้ภาวะตึงเครียดในภาคธนาคารสหรัฐได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ภาวะการเงินตึงตัวมากขึ้น แต่เฟดยังจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
"เราไม่คิดว่าวิกฤตในภาคธนาคารคราวนี้จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากเหตุการณ์เมื่อปี 2551 อย่างมาก โดยเวลานั้นเฟดต้องงัดนโยบายการเงินทั้งหมดมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ" นักกลยุทธ์ของ BII ระบุเมื่อวันจันทร์ (13 มี.ค.) พร้อมกล่าวเสริมว่า "แต่สำหรับการพยุงระบบธนาคารนั้น เฟดยังคงสามารถมุ่งเป้าไปยังนโยบายการเงินที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฉุดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมาย 2%"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความเห็นของแบล็กร็อกนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการคาดการณ์ของนักลงทุนในตลาด โดยขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไม่ถึง 0.25% ในวงจรการคุมเข้มนโยบายครั้งนี้ หลังคาดการณ์เมื่อไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในเดือนมี.ค. ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 0.75% ในปีนี้ หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในเดือนพ.ค.
ด้านโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์และบาร์เคลย์ พีแอลซีเพิ่งออกมาแสดงการคาดการณ์ว่า เฟดจะระงับวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่โนมูระระบุเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมยุติการลดขนาดงบดุลในการประชุมดังกล่าว