นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 80% ต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ แม้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากเดือนม.ค. แต่ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เพียง 0.25% แทนที่จะปรับขึ้น 0.50% ตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเฟดมีความกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงจะส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร ซึ่งกำลังเผชิญภาวะวิกฤตสภาพคล่องในขณะนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 83.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนัก 16.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50-4.75%
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในเดือนมิ.ย. และปรับลดอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนก.พ.ในวันนี้
ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 6.2% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 5.6% ในเดือนม.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.4% ในเดือนม.ค.