นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเม.ย.เปิดเผยว่า การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายตลอดระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 10 ปีเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
นายคุโรดะซึ่งได้รับการแต่งตั้งในปี 2556 โดยอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะนั้น ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับแวดวงธนาคารกลางและตลาดการเงินทั่วโลกด้วยการเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultraloose Monetary Policy) ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเวลานาน และซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวน โดยนโยบายดังกล่าวแสดงถึงความมุ่งมั่นของนายคุโรดะในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ภายในระยะเวลา 2 ปี
นอกเหนือจากการลดต้นทุนการกู้ยืมแล้ว นโยบายผ่อนคลายการเงินของนายคุโรดะซึ่งมุ่งเน้นการกระตุ้นทางการเงินขนานใหญ่นั้น ยังมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนมุมมองของสาธารณชนและทำให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด
"นโยบายนี้มีประโยชน์อย่างมากและสร้างผลกระทบในระดับหนึ่ง แต่นโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่มากพอที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นนโยบายนี้ประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง" นายคุโรดะกล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติรายหนึ่งตั้งคำถามว่า นโยบายการเงินของเขามีอิทธิพลต่อมุมมองของสาธารณชนหรือไม่
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของนายคุโรดะมีขึ้นในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายในเจตนารมณ์ที่จะสื่อสารนโยบายการเงินต่อสาธารณชนอย่างมีประสิทธิภาพ