ธนาคารกลางปากีสถาน (SBP) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% สู่ระดับ 21% ในวันนี้ (5 เม.ย.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2499 ขณะที่ปากีสถานกำลังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นแบบต่อเนื่อง และใกล้ผิดนัดชำระหนี้เข้าไปทุกขณะในระหว่างที่รอคอยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปล่อยเงินกู้ให้ปากีสถาน
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ 6 จาก 37 คนในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางปากีสถานจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 1% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 3 คนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางปากีสถานจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่เหลืออีก 28 คนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางปากีสถานจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายระหว่าง 1.5% - 3%
"การตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการฉุดรั้งคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อไว้ที่ประมาณเป้าหมายระยะกลาง" ธนาคารกลางปากีสถานระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า จุดยืนด้านนโยบายการเงินในปัจจุบันนั้นมีความเหมาะสม โดยเงินเฟ้อนั้นยังคงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงต่อไปในระยะใกล้ ภาคการเงิน "ยังคงมีความยืดหยุ่นแบบเป็นวงกว้าง ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดน้อยลงแบบต่อเนื่อง"
ธนาคารกลางปากีสถานปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค. หลังรัฐบาลขึ้นภาษีและราคาพลังงาน และปล่อยให้เงินรูปีของปากีสถานอ่อนค่าลง เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์กำหนดของ IMF เพื่อขอรับเงินกู้ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
IMF เรียกร้องให้ปากีสถานขอการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ก่อนฟื้นโครงการเงินกู้วงเงิน 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปากีสถานพลาดเส้นตายการฟื้นโครงการเงินกู้ดังกล่าวมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ปากีสถานอาจต้องระงับการจ่ายหนี้ โดยปากีสถานมีกำหนดชำระหนี้ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเดือนมิ.ย.