นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะสื่อสารกับรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด และกำหนดแนวทางนโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่น อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่สูงมาก
ทั้งนี้ นายอุเอดะได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะในวันจันทร์ (10 เม.ย.) เพื่อรับหนังสือมอบหมายตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ อย่างเป็นทางการ โดยนายอุเอดะกล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีคิชิดะว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องทำการทบทวนการออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาล และ BOJ ภายใต้กรอบคำมั่นสัญญาของ BOJ ที่ว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ นายอุเอดะได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินของญี่ปุ่นว่า "การบรรลุเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพในระบบการเงินถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับ BOJ ในขณะที่สภาพแวดล้อมภายนอกมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อระบบธนาคารของญี่ปุ่นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ BOJ ต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าระบบการเงินของเรามีกลไกการทำงานที่ราบรื่น"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลกระทบของวิกฤตในภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรปที่จะมีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น นายอุเอดะกล่าวว่า "ผมไม่คิดว่าวิกฤตการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นมากนักในเวลานี้ แต่เราก็จะจับตาเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง"
นอกจากนี้ นายอุเอดะยังกล่าวว่า "BOJ จะพยายามบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ภายในกรอบเวลาที่กำหนด"
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ได้สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 เม.ย.) และได้ส่งมอบตำแหน่งให้กับนายอุเอดะ ซึ่งเป็นอดีตศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว และถือเป็นผู้ว่าการ BOJ คนแรกที่มาจากแวดวงวิชาการ
ในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมครั้งสุดท้ายในฐานะผู้ว่าการ BOJ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น เขาได้แสดงความเสียใจที่การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินตลอดวาระการดำรงตำแหน่ง 10 ปีของเขา ไม่สามารถทำให้ BOJ บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% พร้อมกับกล่าวว่า BOJ ควรจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเพื่อกระตุ้นค่าจ้างในตลาดแรงงานให้เติบโตขึ้นในอนาคต