นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า การที่เฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้น 0.25% ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่นโยบายเฟดจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ
"การที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่มีเหตุมีผล แต่ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราจะต้องตัดสินใจตามข้อมูลที่ได้รับ ขณะที่เรากำลังให้ความสนใจต่อสภาวะสินเชื่อในตลาด และสัญญาณการชะลอตัวของเงินเฟ้อ" นายวิลเลียมส์กล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนมี.ค.ในวันพรุ่งนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลข CPI ดังกล่าวบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐยังไม่ผ่านจุดสูงสุด
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 6.0% ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 5.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.5% ในเดือนก.พ.
หากดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวแตะระดับ 5.6% ในเดือนมี.ค.ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2565 ที่ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้นมากกว่าเดือนก่อนหน้า และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 ที่ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้นมากกว่าดัชนี CPI ทั่วไป
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 21-22 มี.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เช่นกัน โดยเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมดังกล่าว พร้อมกับส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้