นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
"การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เราหยุดพัก และดูว่านโยบายของเฟดส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจ และทำความเข้าใจว่าอัตราเงินเฟ้อใกล้ถึงเป้าหมายของเราแค่ไหนแล้ว" นายบอสติกกล่าวในรายการ Squawk on the Street ของสถานีข่าว CNBC
"หากข้อมูลออกมาตามคาด เราก็จะคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาระยะหนึ่ง โดยเราจะไม่ดำเนินการอะไร นอกจากจับตาเศรษฐกิจตลอดทั้งปีนี้ และขณะเข้าสู่ปี 2567" นายบอสติกกล่าว
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 11.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ก่อนสิ้นปี 2566
อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด
ขณะเดียวกัน นายบอสติกเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุเตือนในการประชุมเดือนมี.ค.ว่าสหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่รุนแรงมากนักในปีนี้