เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถกล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินในวันนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็น (Blackout Period) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 2-3 พ.ค. ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของเฟด
ทั้งนี้ กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 16.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ก่อนที่จะพักการดำเนินการด้านดอกเบี้ยเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นายบอสติกกล่าวว่า เฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด แม้เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุเตือนในการประชุมเดือนมี.ค.ว่าสหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายบอสติกสวนทางคาดการณ์ของตลาด ซึ่งมองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ก่อนสิ้นปี 2566