คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2550
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.00%
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการยกเลิกประโยคที่เคยระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า "คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสม" เพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
รายละเอียดการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2565 เป็นดังนี้:-
วันที่ 25-26 ม.ค. คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25%
วันที่ 15-16 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.25-0.50%
วันที่ 3-4 พ.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 0.75-1.00%
วันที่ 14-15 มิ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 1.50-1.75%
วันที่ 26-27 ก.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.25-2.50%
วันที่ 20-21 ก.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.00-3.25%
วันที่ 1-2 พ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00%
วันที่ 13-14 ธ.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50%
ส่วนการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 เป็นดังนี้:-
วันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75%
วันที่ 21-22 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00%
วันที่ 2-3 พ.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25%