นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในการแถลงข่าวหลังเฟดเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (3 พ.ค.) ว่า "เรายังคงมุ่งมั่นอย่างมากที่จะลดเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2% และเราเตรียมที่จะดำเนินการมากขึ้น หากจำเป็น"
ความเห็นของนายพาวเวลค่อนไปในทางสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนมิ.ย.นี้ โดยหลังจากการแถลงข่าว ราคาหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลงหลังนายพาวเวลเสร็จสิ้นการแถลงข่าว
นายพาวเวลระบุว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายอย่างมาก และการคุมเข้มนโยบายการเงินจะต้องใช้เวลากว่าจะส่งผลกระทบอย่างเต็มที่ และเมื่อพิจารณาจากมุมมองของเราที่ว่า เงินเฟ้อจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะปรับลดลงนั้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงยังไม่เหมาะสม
นายพาวเวลบ่งชี้ว่า ในการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธนี้นั้น กรรมการเฟดบางรายพูดถึงการยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในการประชุมครั้งนี้
แถลงการณ์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ระบุว่า คณะกรรมการฯ จะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดอย่างใกล้ชิด และจะประเมินผลกระทบที่มีต่อนโยบายการเงิน โดยคณะกรรมการฯ ได้ตัดข้อความที่เคยระบุไว้ในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะยังคงดำเนินต่อไป
นายพาวเวลกล่าวว่า นับจากนี้ คณะกรรมการฯ จะพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ วิกฤตธนาคาร, เงินเฟ้อที่ระดับสูง และปัญหาเพดานหนี้
เกี่ยวกับวิกฤตธนาคารที่ตลาดมีความวิตกอย่างมากนั้น นายพาวเวลกล่าวว่า สถานการณ์ของภาคธนาคารได้ปรับตัวดีขึ้นโดยรวม แต่ยังคงไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับขอบเขตของผลกระทบ
ระบบธนาคารสหรัฐมีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น และการที่เจพีมอร์แกน เชสเข้าซื้อกิจการของเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์นั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ผมไม่ต้องการให้ธนาคารขนาดใหญ่ทำการซื้อกิจการขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลธนาคารขนาดใหญ่มากขึ้น
ส่วนประเด็นความเสี่ยงด้านเพดานหนี้นั้น นายพาวเวลบ่งชี้ว่า หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอนในระดับสูง และการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเพดานหนี้
นายพาวเวลเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐแทบไม่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย และหากเข้าสู่ภาวะดังกล่าว ก็จะเป็นการถดถอยที่ไม่รุนแรง
ด้านตลาดแรงงานนั้น นายพาวเวลกล่าวว่า ตลาดแรงงานสหรัฐในปัจจุบันยังคงตึงตัวอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานกำลังกลับสู่สมดุลที่ดีขึ้น และเขาเน้นย้ำว่าการเติบโตของค่าจ้างได้แสดงสัญญาณชะลอตัว
เจฟฟรีย์ กุนด์ลาช ผู้ก่อตั้งบริษัทดับเบิลไลน์ แคปิตอลซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสหรัฐแสดงความเห็นว่า การตัดสินใจของเฟดไม่ได้เป็นการให้คำมั่นว่าจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยไว้ใกล้ระดับนี้ โดยมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจจะถดถอย ดังนั้นนายกุนด์ลาชจึงคาดว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก