สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 ช่วยฉุดเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมายได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
ทั้งนี้ การคาดการณ์เฉลี่ยของนักเศรษฐศาสตร์ 26 รายในผลสำรวจครั้งล่าสุดของบลูมเบิร์กระบุว่า ธปท.มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ 2% ในการประชุมวันพุธที่ 31 พ.ค.นี้ และจากนั้นจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวไปสักระยะ แม้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากผลสำรวจฉบับที่ผ่านมา แต่ขณะนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธปท.จะยุติวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินในไตรมาสนี้ ไม่ใช่ในไตรมาสหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์จากธนาคารกรุงไทยระบุว่า เนื่องด้วยเศรษฐกิจไทยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศของจีน ดังนั้น ธปท.จึงสามารถที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อีกหนึ่งครั้ง และจากนั้นจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปตลอดทั้งปี
เงินเฟ้อทั่วไปของไทยชะลอตัวลงทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยหวนกลับสู่กรอบเป้าหมายที่ 1%-3% ของธปท.ในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท.ปฏิเสธที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ แม้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมทั้งสิ้น 1.25% ผ่านการดำเนินการ 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว
แม้ว่าไทยมีแรงผลักดันด้านการฟื้นตัว แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวต่ำกว่า 4% ไปจนถึงปี 2568 ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวสู่ระดับเฉลี่ย 1.9% ในปีหน้าจากตัวเลขประมาณการที่ 2.6% ในปีนี้