นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) กล่าวในการประชุมมอร์แกน สแตนลีย์ ออสเตรเลีย ซัมมิต (Morgan Stanley Australia Summit) ซึ่งจัดขึ้นในนครซิดนีย์ในวันนี้ว่า การที่ RBA ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เป็นเพราะตัวเลขเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะกลับมาเคลื่อนไหวเหนือระดับเป้าหมายของ RBA
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายโลว์มีขึ้นเพียงวันเดียว หลังจาก RBA ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า RBA จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.85%
ทั้งนี้ นายโลว์กล่าวว่า การเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่งนั้น ยังคงเป็นเรื่องจำเป็นในการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง แต่การตัดสินใจดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินจะมีผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
RBA คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7% นั้น จะกลับสู่กรอบเป้าหมายของ RBA ที่ระดับ 2-3% ภายในช่วงกลางปี 2568 ซึ่งช้ากว่าที่นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดการณ์ เนื่องจากนายโลว์ต้องการให้ตลาดแรงงานของออสเตรเลียยังคงมีความแข็งแกร่งต่อไป
"ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ" นายโลว์กล่าว ซึ่งถือเป็นการยอมรับว่ามีโอกาสน้อยลงที่ RBA จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
"แต่ผมอยากให้ทุกท่านเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ความต้องการที่จะทำให้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งต่อไปนั้น ไม่ได้หมายความว่าคณะกรรมการ RBA จะต้องทนกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น" นายโลว์กล่าวในงานเสวนา
นอกจากนี้ นายโลว์กล่าวว่า มี 4 ปัจจัยที่คณะกรรมการ RBA กำลังจับตาอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินในการประชุมครั้งต่อไป นั่นคือ แนวโน้มเศรษฐกิจโลก, การใช้จ่ายภาคครัวเรือน, การขยายตัวของต้นทุนแรงงานต่อหน่วย และตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ