นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (14 มิ.ย.) และได้เปิดเผยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ซึ่งบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้
นายพาวเวลกล่าวว่า การที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้เฟดมีเวลาในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติม และเป็นผลดีต่อการตัดสินใจในอนาคต แต่ทิศทางนโยบายการเงินในวันข้างหน้านั้น กรรมการเฟดเกือบทั้งหมดต่างก็มีมุมมองที่สอดคล้องกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
"การที่เฟดตัดสินใจเบรกขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เป็นเพราะกรรมการเฟดต้องการเวลามากขึ้นในการประเมินผลกระทบที่เกิดจากการที่เฟดเริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 รวมทั้งผลกระทบจากการล้มละลายของธนาคาร 3 แห่งในสหรัฐว่าจะมีผลต่อกลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจอย่างไร" นายพาวเวลกล่าว
นายพาวเวลได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าถูกกดดันจากการที่เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุกในปีที่แล้ว ซึ่งสภาวะดังกล่าวอาจจะทำให้เฟดต้องใช้เวลานานขึ้นในการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง แต่เฟดจะดำเนินการดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ให้เศรษฐกิจได้รับความเสียหาย
"เมื่อพิจารณาจากการดำเนินการที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จะเป็นการปรับขึ้นในระดับปานกลาง ในขณะเดียวกันผมมองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีก 2 ปีข้างหน้าก็เป็นเรื่องเหมาะสมเช่นกัน แต่ควรจะปรับลดลงเมื่ออัตราเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ" นายพาวเวลกล่าว
ถ้อยแถลงของนายพาวเวลสอดคล้องกับรายงาน Dot Plot ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปีดังกล่าว ขณะที่การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.5%