นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธที่ 21 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายพาวเวลมีแนวโน้มที่จะถูกซักถามเกี่ยวกับการที่เฟดตัดสินใจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565
ทั้งนี้ แม้ว่าผลการประชุมเฟดครั้งล่าสุดจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่นักลงทุนในตลาดมีความกังวล เนื่องจากในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า ในการแถลงต่อสภาคองเกรสครั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะกดดันให้นายพาวเวลอธิบายเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลด้านการเงิน หลังจากมีธนาคาร 3 แห่งของสหรัฐประสบปัญหาล้มละลายในปีนี้
ในการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายพาวเวลแถลงต่อสื่อมวลชนว่า การที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้เฟดมีเวลาในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมทั้งผลกระทบจากการล้มละลายของธนาคาร 3 แห่งในสหรัฐว่าจะมีผลต่อกลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจอย่างไร
"แต่ทิศทางนโยบายการเงินในวันข้างหน้านั้น กรรมการเฟดเกือบทั้งหมดต่างก็มีมุมมองที่สอดคล้องกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% แต่จะเป็นการปรับขึ้นในระดับปานกลาง ในขณะเดียวกันผมมองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีก 2 ปีข้างหน้าก็เป็นเรื่องเหมาะสมเช่นกัน แต่ควรจะปรับลดลงเมื่ออัตราเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ" นายพาวเวลกล่าว