ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมของเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายของ BOJ ตกลงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำเป็นพิเศษต่อไป
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ เป็นประธานการประชุมดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
รายงานระบุว่า ขณะที่ญี่ปุ่นขยับเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อของ BOJ ที่ 2% สมาชิกคณะกรรมการทั้ง 9 รายเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษ (Ultra-loose Policy) ต่อไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มค่าแรงนั้นมีความไม่แน่นอน
อย่างไรก็ดี กรรมการรายหนึ่งกล่าวว่า BOJ ต้องไม่รอที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนานจนเกินไป เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณแล้วว่าค่าแรงและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มเร็วขึ้น
กรรมการอีกรายหนึ่งกล่าวว่า BOJ ต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่บังคับให้ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างกะทันหัน เนื่องจากการทำเช่นนั้นจะสร้างความปั่นป่วนอย่างใหญ่หลวงต่อภาคธุรกิจที่เคยชินกับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษไปแล้ว
ในการประชุมเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และคงนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (YCC) รวมทั้งคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปีไว้ที่ราวระดับ 0%
รายงานระบุว่า กรรมการหลายรายไม่เห็นความจำเป็นในการปรับนโยบาย YCC โดยอ้างว่าความผิดปกติที่พบในเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในอดีต ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรรมการรายหนึ่งกล่าวว่า ผู้มีส่วนร่วมในตลาดหลายรายระบุตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ยังมีประสิทธิภาพโดยรวมในระดับต่ำ BOJ จึงควรพิจารณาปรับ YCC แต่ก็เป็นเรื่องเหมาะสมเช่นกันที่จะรอดูสถานการณ์ตลาดการเงินโลกไปก่อน
อนึ่ง รายงานการประชุมของ BOJ ไม่ได้เปิดเผยชื่อของกรรมการผู้ให้ความเห็นต่าง ๆ ดังที่กล่าวมา แต่เมื่อต้นปีนี้ นายนาโอกิ ทามูระ ซึ่งเป็นกรรมการ BOJ รายหนึ่งเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า ควรมีการประเมินข้อดี-ข้อเสียของ YCC