ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมในวันนี้ (18 ก.ค.) โดยระบุว่า คณะกรรมการ RBA ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากพิจารณาแล้วเห็นว่านโยบายการเงินของ RBA อยู่ในระดับที่มีความเข้มงวดมากเพียงพอ และกรรมการเล็งเห็นถึงความเสี่ยงที่ว่าสถานะการเงินที่ตึงตัวของภาคครัวเรือนจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหนักและทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการ RBA ยังคงย้ำคำเตือนที่ว่า การใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินยังคงมีความจำเป็น เพื่อที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย พร้อมระบุว่าผลกระทบเป็นวงกว้างจากเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งผลิตภาพด้านการผลิตที่อ่อนแอ และค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นนั้น ยังไม่ส่งสัญญาณบรรเทาลง
ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ RBA มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.10% พร้อมระบุว่าเงินเฟ้อของออสเตรเลียได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 5.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 6.8% ในเดือนเม.ย. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงปรับตัวลงอย่างมาก
"เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา กรรมการ RBA มีความเห็นตรงกันว่าควรจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ และจะมีการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในการประชุมเดือนส.ค."
"นอกจากนี้ กรรมการ RBA ยังพิจารณาถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคในภาคครัวเรือน และพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า สถานะการเงินที่ตึงตัวของภาคครัวเรือนจะส่งผลให้การอุปโภคบริโภคชะลอตัวลงมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ กรรมการจึงมีความเห็นตรงกันว่า เราจะประเมินสถานการณ์ในเดือนส.ค. โดยจะรอดูข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มเติม รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ตลาดแรงงาน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน" RBA ระบุในรายงานการประชุม