ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีในการประชุมวันนี้ (3 ส.ค.) และจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้ง
อย่างไรก็ดี ตลาดมองว่ามีความเป็นไปได้ว่า BoE จะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.50% เหมือนกับในการประชุมเดือนมิ.ย. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในบรรดาประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ตลาดคาดการณ์ว่า ทั้งเฟด และ ECB อาจจะยุติหรือใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งแตกต่างจาก BoE
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ BoE แกว่งตัวค่อนข้างกว้าง โดยนักลงทุนต่างก็พยายามคาดเดาว่า BoE จะปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอีกเท่าใด หากปัญหาเงินเฟ้อยังคงฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของ BoE จะอยู่ที่ 6.5% หลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขค่าแรงพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.75% หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี ดัชนี CPI รายปีที่ระดับ 7.9% ในเดือนมิ.ย.นั้น อยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของ BoE เกือบ 4 เท่า และสูงกว่าดัชนี CPI ของสหรัฐกว่า 2 เท่า
ทั้งนี้ BoE เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. 2564 ซึ่งดำเนินการก่อนธนาคารกลางรายอื่น ๆ ของโลก และหาก BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 14