ธนาคารกลางคิวบาออกกฎห้ามธุรกิจของรัฐและเอกชนใช้ตู้เอทีเอ็ม และกำหนดเพดานการทำธุรกรรมระหว่างกันด้วยเงินสด เนื่องจากธนาคารกำลังพยายามควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและการทำธุรกิจนอกระบบท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
สื่อทางการรายงานว่า กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) โดยธนาคารกลางได้จำกัดเพดานการทำธุรกรรมด้วยเงินสดไว้สูงสุดที่ 5000 เปโซ และจะดำเนินการดังกล่าวเป็นระยะเวลา 6 เดือน
แถลงการณ์จากทางการระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐกำลังพยายามควบคุมเงินเฟ้อซึ่งรัฐบาลระบุว่าแตะ 45% แล้วในปีนี้ และควบคุมการปรับลดค่าเงินเปโซโดยการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมระบบการธนาคารในประเทศ และสนับสนุนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นายอเลฮานโดร กิล รัฐมนตรีเศรษฐกิจกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 1.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2562 อยู่ 8% ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนอาหาร ยารักษาโรค เชื้อเพลิง และสินค้าพื้นฐานอื่น ๆ ตลอดจนมีการต่อคิวซื้อที่ยาวเหยียดเมื่อสินค้าเหล่านี้มีวางจำหน่าย
วิกฤติดังกล่าวนำไปสู่การขาดความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของรัฐ ส่งผลให้ตู้เอทีเอ็มบางแห่งขาดเงินสด ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ ใช้งาน ทิ้งให้ประชาชนต้องประสบกับความยากลำบากในการเบิกถอนเงินสด