นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้แถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ (11 ส.ค.) ว่า นโยบายการเงินของ RBA อยู่ใน "ขั้นตอนการปรับเปลี่ยน" (calibration stage)" เนื่องจากวิกฤตเงินเฟ้อได้ผ่านพ้นไปแล้ว อย่างไรก็ดี RBA อาจจะยังจำเป็นต้องเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในระดับหนึ่ง โดยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมาและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
นายโลว์แถลงต่อรัฐสภาว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ RBA ได้รับเมื่อไม่นานมานี้ และภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ กำลังเป็นไปในทิศทางที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะซอฟต์แลนดิ้ง หรือชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ที่เงินเฟ้อชะลอตัวลงโดยไม่ทำให้อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลีย ซึ่งเคยแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีที่ 7.8% ในช่วงปลายปี 2565 นั้น ได้ปรับตัวลงสู่ระดับ 6% ในไตรมาสที่แล้ว และคาดว่าจะลดลงสู่กรอบเป้าหมายของ RBA ที่ระดับ 2-3% ภายในช่วงปลายปี 2568
นายโลว์กล่าวต่อรัฐสภาว่า หลังจากที่ RBA ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้วทั้งสิ้น 4.00% นับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2565 คณะกรรมการก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่คุมเข้มมากเพียงพอแล้ว และขณะนี้ RBA กำลังเร่งสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
"เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มในวันข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่ RBA อาจจำเป็นต้องใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายในช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี การจะใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินนั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและดุลพินิจของคณะกรรมการ RBA ในการประเมินความเสี่ยงที่จะมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ" นายโลว์กล่าว
การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันนี้ ถือเป็นครั้งสุดท้ายของนายโลว์ในฐานะผู้ว่าการ RBA ก่อนที่เขาจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงกลางเดือนก.ย. และส่งมอบตำแหน่งให้กับนางมิเชล บูลล็อก รองผู้ว่าการ RBA ในปัจจุบัน