นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. และเทน้ำหนักมากกว่า 50% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย. หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และเฟดเตรียมการที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
"แม้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงจากระดับสูงสุด ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่ดี แต่ก็ยังคงอยู่สูงเกินไป โดยเราเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากมีความเหมาะสม และจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จนกว่าเรามีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างยั่งยืนไปสู่เป้าหมายที่เรากำหนดไว้" นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 78.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 21.5% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75%
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 51.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 37.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ขณะที่ให้น้ำหนัก 11.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.75-6.00%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า หลังจากที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.50-5.75% ในเดือนพ.ย. เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในเดือนมี.ค.2567
ทั้งนี้ การดำเนินการและคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 เป็นดังนี้:-
วันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75%
วันที่ 21-22 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00%
วันที่ 2-3 พ.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25%
วันที่ 13-14 มิ.ย. คงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
วันที่ 25-26 ก.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50%
วันที่ 19-20 ก.ย. (คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50%)
วันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.50-5.75%)
วันที่ 12-13 ธ.ค. (คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.50-5.75%)
คาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนม.ค.และมี.ค.2567 เป็นดังนี้:-
วันที่ 30-31 ม.ค. (คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.50-5.75%)
วันที่ 19-20 มี.ค. (คาดลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50%)