เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
ทั้งนี้ กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายในปีนี้ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 74.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 57.7% เมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย 2%
นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า ตลาดแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องชะลอตัวลงเพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ
"การที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นที่เศรษฐกิจจะต้องมีการขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้ม และตลาดแรงงานจะต้องชะลอตัวลง" นายพาวเวลกล่าว
ถ้อยแถลงของนายพาวเวลมีขึ้น ขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 5.4% ในไตรมาส 3/2566 หลังจากมีการขยายตัวเพียง 2.2% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ