นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา 24th Jacques Polak Annual Research Conference ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) ภายใต้หัวข้อ "Monetary policy challenges in a global economy" หรือ "ความท้าทายของนโยบายการเงินในเศรษฐกิจโลก"
นายพาวเวลกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เฟดยังไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงมากพอที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ และเฟดอาจใกล้ถึงจุดที่การปรับตัวดีขึ้นของอุปทานสินค้า การบริการ และแรงงาน อาจจะไม่ช่วยลดแรงกดดันด้านราคา
"เฟดไม่ต้องการให้นโยบายการเงินมีความเข้มงวดมากเกินไป แต่เราตระหนักว่าความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดคือความล้มเหลวในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยขณะนี้เฟดกำลังประเมินว่าเราควรจะดำเนินการมากขึ้นอีกหรือไม่ และจากนั้นเราจะประเมินว่าควรตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเท่าใด"
"เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการดำเนินนโยบายการเงินที่มีความเข้มงวดมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่ขณะนี้เรายังไม่มั่นใจว่าเราได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้วหรือไม่ ดังนั้น หากเราเห็นว่าเป็นการเหมาะสมที่จะต้องดำเนินนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้นต่อไป เราก็ไม่ลังเลที่จะทำเช่นนั้น"
"อย่างไรก็ดี การดำเนินนโยบายการเงินในขั้นต่อไปนั้น เฟดจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เรามีเวลาในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากประเมินที่ผิดพลาดเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจบางด้าน และความเสี่ยงของการใช้นโยบายที่เข้มงวดมากเกินไป โดยเราจะตัดสินใจในการประชุมแต่ละครั้ง" นายพาวเวลกล่าว
การแสดงความเห็นของนายพาวเวลส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันพฤหัสบดี (9 พ.ย.) โดยปีเตอร์ คาร์ดิลโล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทสปาร์ตัน แคปิตอล ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า "การแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เขากำลังสื่อสารกับตลาดว่า ภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ และหากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ เฟดก็ไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก"
ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในปีนี้ แม้ได้รับรู้ถ้อยแถลงของนายพาวเวล แต่นักลงทุนมองว่า การเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจจะถูกเลื่อนออกไป