ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความเห็นตรงกันว่าเฟดควรจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากภารกิจการควบคุมเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
"กรรมการเฟดมองว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เฟดจะได้รับในวันข้างหน้าบ่งชี้ว่า ภารกิจในการควบคุมเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามเป้าหมาย" เฟดระบุในรายงานการประชุมซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) และเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้า
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
"ในการอภิปรายเกี่ยวกับแนวโน้มของนโยบายการเงินนั้น กรรมการเฟดยังคงมีความเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญที่เฟดจะต้องรักษาจุดยืนในการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในเวลาที่เหมาะสม" รายงานการประชุมระบุ
นอกจากนี้ รายงานการประชุมในครั้งนี้ไม่ได้ระบุถึงการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง
ส่วนในการประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.นั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วรวม 5.25%