นักลงทุนลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.2567 หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ และการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 12-13 ธ.ค.
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 63.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักมากถึง 72.8%
ทั้งนี้ นายบาร์กินส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อชะลอตัวลง และระบุว่า ยังคงมีความเสี่ยงที่ว่าภารกิจของเฟดในการสกัดเงินเฟ้ออาจจะยังไม่สิ้นสุดลง
"อัตราดอกเบี้ยระยะยาวได้ปรับตัวลงในระยะนี้ และจะกระตุ้นอุปสงค์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่สูงกว่าเป้าหมาย สิ่งนี้จึงทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังคงเป็นทางเลือกของเฟด" นายบาร์กินกล่าว
ส่วนรายงานการประชุม FOMC ประจำวันที่ 12-13 ธ.ค.ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2567 แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยกรอบเวลาที่ชัดเจนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว
ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC ในเดือนธ.ค. ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% และกรรมการเฟดคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 0.75% ภายในสิ้นปี 2567
อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุมบ่งชี้ว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมากว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร และจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจริงหรือไม่