บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ในวันศุกร์ (26 ม.ค.) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ปีนี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะทำให้เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือนมี.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ชะลอลงจากระดับ 3.2% ในเดือนพ.ย.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าว สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยบ่งชี้ว่า มีโอกาสราว 48% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.
สุบาดรา ราชปา หัวหน้ากลยุทธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยสหรัฐของโซซิเอเต้ เจเนเรลกล่าวว่า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงมากกว่าที่เฟดคาดไว้ ดังนั้นเฟดอาจจะต้องการข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกเพื่อให้มั่นใจในการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย