ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ม.ค. โดยกรรมการเฟดส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยง หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และกรรมการเฟดยังคงไม่มั่นใจว่าควรจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกนานเท่าใด
"กรรมการเฟดได้มีการหารือกันเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงิน และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอาจจะอยู่ที่ระดับสูงสุดแล้วสำหรับวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินในรอบนี้ นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง จนกว่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน" เฟดระบุในรายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ (21 ก.พ.)
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า "กรรมการเฟดมีความกังวลว่าเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยังคงส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนที่มีรายได้จำกัดและไม่สามารถรับมือกับราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว บรรดากรรมการเฟดก็ยังเล็งเห็นว่า ควรจะประเมินข้อมูลที่จะได้รับในวันข้างหน้าอย่างระมัดระวังเพื่อชี้ชัดว่า เงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวลงสู่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 30-31 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25% อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณว่า ยังไม่มีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟด