นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (26 เม.ย.) โดยกล่าวว่า BOJ ยังไม่เห็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า การอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในขณะนี้ แต่ BOJ จะยังคงจับตาสถานการณ์ต่าง ๆ ต่อไป
นายอุเอดะย้ำว่า BOJ จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน หากการอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อโดยที่ BOJ ไม่อาจเพิกเฉยได้ โดยแนวโน้มเงินเฟ้อนั้นไม่นับรวมถึงปัจจัยชั่วคราว
ทั้งนี้ นายอุเอดะกล่าวว่า การที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ พร้อมกับยืนยันว่า BOJ จะยังคงซื้อพันธบัตรของรัฐบาลญี่ปุ่นต่อไป
"สำหรับแนวทางนโยบายการเงินของเราในอนาคตนั้น จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในช่วงเวลานั้น เราจะทำการวิเคราะห์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งความเสี่ยงที่จะมีผลต่อทั้งเศรษฐกิจและเงินเฟ้อด้วย และเราจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเป็นครั้ง ๆ ไป โดยหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเคลื่อนไหวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเรา เราก็อาจจะปรับระดับของนโยบายผ่อนคลายการเงิน หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ก็อาจเป็นเหตุผลให้เราทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน"
ส่วนประเด็นการอ่อนค่าของเงินเยนที่จะมีผลต่อนโยบายการเงินหรือไม่นั้น นายอุเอดะกล่าวว่า "นโยบายการเงินของ BOJ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ค่าเงินโดยตรง แต่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ โดยหากเงินเยนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ BOJ ก็จะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน และปัจจัยดังกล่าวจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ BOJ ปรับนโยบายการเงิน"
ในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.1% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หลังจากที่ BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ BOJ คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเคลื่อนไหวที่ระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% จนถึงปีงบการเงิน 2569 ส่วนในปีงบการเงินปัจจุบันซึ่งเริ่มต้นในเดือนเม.ย. 2567 นั้น คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะเพิ่มขึ้น 2.8% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 2.4%