คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
นอกจากนี้ เฟดประกาศชะลอการใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด
ทั้งนี้ ภายใต้โครงการ QT ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.2565 เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) วงเงิน 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม
มาตรการดังกล่าวทำให้งบดุลของเฟดลดลงสู่ระดับ 7.4 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2565
อย่างไรก็ดี เริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย.2567 เฟดจะลดวงเงินพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่จะปล่อยให้ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม เหลือเพียง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่คงวงเงิน MBS ที่จะปล่อยให้ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม อยู่ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ QT นับเป็นมาตรการหนึ่งที่เฟดใช้เพื่อคุมเข้มทางการเงิน หลังจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ และถือเป็นการที่เฟดถอนตัวจากบทบาทในฐานะผู้สร้างสภาพคล่องในระบบการเงินด้วยการเข้าซื้อและถือครองพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ในตลาด การลดวงเงินพันธบัตรและตราสารหนี้ที่จะปล่อยให้ครบอายุในแต่ละเดือนโดยไม่มีการซื้อเพิ่มเติม จึงถือเป็นการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของเฟด