ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 11-12 มิ.ย.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
นายโรเบิร์ต แคปแลน รองประธานธนาคารโกลด์แมน แซคส์ และอดีตประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า เขาไม่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนนี้ ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่
"ผมคิดว่าเฟดจำเป็นต้องเห็นเงินเฟ้อปรับตัวดีขึ้นเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่เดือนก.ย.จะเป็นเดือนแรกที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย" นายแคปแลนกล่าว
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมสัปดาห์หน้า และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย. ขณะที่ปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐเมื่อวานนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 55.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 41.7% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 35.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากให้น้ำหนัก 53.7% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 28.8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 49.2 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.6
ทั้งนี้ ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว