ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนก.ย.2562
หาก ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ ก็จะทำให้ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB หลังเดือนมิ.ย. เนื่องจากยังไม่มีแนวโน้มว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. เนื่องจาก ECB ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในภาคบริการ
นายเคลาดิโอ อิริโกเยน นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า ขณะนี้เฟดและ ECB มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เฟดมักเป็นผู้นำในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก
"เฟดและ ECB มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่แยกออกจากกัน โดย ECB มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ขณะที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น โดยถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุมเฟดบ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยังไม่เกิดขึ้นในขณะนี้" นายอิริโกเยนกล่าว
ด้านนายโอลลี เรห์น สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ ECB และประธานธนาคารกลางฟินแลนด์ กล่าวย้ำว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนกำลังปรับตัวลงอย่างยั่งยืน "กระบวนการลดอัตราเงินเฟ้อกำลังทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเราที่ 2% อย่างยั่งยืน ทำให้เดือนมิ.ย.เป็นเวลาเหมาะสมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน และเริ่มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย" นายเรห์นกล่าว
นอกจากนี้ นายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB กล่าวว่า "หากไม่มีปัจจัยอะไรที่สร้างความประหลาดใจ เราก็มองว่าขณะนี้เราสามารถลดระดับการคุมเข้มนโยบายการเงินได้แล้ว"
ถ้อยแถลงของนายเรห์นและนายเลนสอดคล้องกับนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ซึ่งส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 6 มิ.ย.เช่นกัน "มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เราจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 6 มิ.ย. หากข้อมูลที่เราได้รับทำให้เรามีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง" "ดิฉันมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าเราจะทำให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม เนื่องจากแรงกดดันที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นในยูโรโซนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มผ่อนคลายลงแล้ว ซึ่งรวมถึงราคาพลังงานและและปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน"
"เราคาดว่าในปีหน้าและ 1 ปีหลังจากนั้น เงินเฟ้อจะบรรลุเป้าหมาย หรือเข้าใกล้เป้าหมายของเรามาก" นางลาการ์ดกล่าว