คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2568 ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.
ส่วนในปี 2569 เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวสู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่ระดับ 2.6%
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดคาดการณ์การขยายตัวในปี 2567, 2568 และ 2569 อยู่ที่ระดับ 2.1%, 2.0% และ 2.0% ตามลำดับ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์อัตราว่างงานที่ระดับ 4.0%, 4.2% และ 4.1% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.0%, 4.1% และ 4.0% ตามลำดับ ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.2%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2.8%, 2.3% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.6%, 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ