นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีแอโพลิสกล่าวว่า เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่เจ้าหน้าที่เฟดจะคาดการณ์ว่าคณะกรรมการเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ นายแคชคารีให้สัมภาษณ์ในรายการ "Face the Nation" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ว่า "เฟดต้องการเห็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%"
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ตามคาด แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.
ในการประชุมวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2.8%, 2.3% และ 2.0% ในปี 2567, 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.6%, 2.2% และ 2.0% ตามลำดับ
นายแคชคารีกล่าวว่า "เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะใช้เวลาอันสำคัญในช่วงนี้ในการรวบรวมข้อมูลด้านเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และแรงงาน ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากจะเริ่มมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เราคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นแค่เพียงครั้งเดียว" นอกจากนี้ นายแคชคารีกล่าวว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%