นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.นี้ ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะผลักดันให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับใกล้ 0% ในปัจจุบัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานคำแถลงของนายอุเอดะที่กล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ (18 มิ.ย.) ซึ่งระบุว่า แม้ต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากเงินเยนอ่อนค่าอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของครัวเรือน แต่ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะช่วยพยุงการบริโภคและทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในระดับปานกลาง
"การตัดสินใจเรื่องการลดการซื้อพันธบัตรและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นคนละเรื่องกัน มีโอกาสที่เราจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งหน้า ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ ราคา และข้อมูลทางการเงิน ณ เวลานั้น" นายอุเอดะกล่าว
นายอุเอดะระบุว่า BOJ ยังไม่มั่นใจเต็มที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืนหรือไม่ จึงต้องใช้เวลา "อีกสักหน่อย" ในการตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นายอุเอดะกล่าวว่า พฤติกรรมการกำหนดราคาและค่าจ้างของบริษัทต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ท่ามกลางผลกำไรของบริษัทต่าง ๆ ที่ทำสถิติสูงสุดและตลาดแรงงานที่ตึงตัว
"เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเห็นสัญญาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของวงจรค่าจ้าง-เงินเฟ้อในเชิงบวก" เนื่องจากค่าจ้างตามตัวเลข (nominal wages) ที่เพิ่มขึ้น นายอุเอดะกล่าว
ทั้งนี้ นายอุเอดะไม่ได้ให้สัญญาณใด ๆ เกี่ยวกับอัตราและขนาดของแผนการลดการซื้อพันธบัตรของ BOJ ซึ่งจะประกาศในเดือนหน้า โดยนายอุเอดะกล่าวว่า BOJ จะหลีกเลี่ยงการใช้ปฏิบัติการซื้อพันธบัตรเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายการเงินหรือเป็นวิธีการสื่อสารจุดยืนด้านนโยบาย
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.25% ในปีนี้ แม้จะยังคงมีความเห็นต่างกันว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในเดือนก.ค.นี้หรือหลังจากนั้น
อนึ่ง การประชุมของ BOJ ในครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้