ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนเม.ย. โดยระบุว่า กรรมการบริหารของ BOJ ได้หารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเร่งกระบวนการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติให้เร็วขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนมีความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อและอาจจะทำให้ BOJ ต้องใช้มาตรการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
"กรรมการ BOJ บางส่วนมองว่าอัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และการใช้นโยบายการเงินในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นเรื่องจำเป็นหากค่าเงินส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงการทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น" BOJ ระบุในรายงานการประชุม
กรรมการ BOJ บางส่วนได้ส่งสัญญาณถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกรรมการ BOJ คนหนึ่งกล่าวว่า "เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่รวดเร็วเกินไป หนึ่งในทางเลือกคือลดการผ่อนคลายด้านการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อย ก่อนที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รายงานการประชุมดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. แม้ตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีน้อยลง หลังจากที่ BOJ ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า BOJ จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการปรับลดการซื้อพันธบัตรในการประชุมเดือนหน้า
ส่วนในการประชุมเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.1% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด หลังจากที่ BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.
ในการประชุมวันดังกล่าว BOJ คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเคลื่อนไหวที่ระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% จนถึงปีงบการเงิน 2569 ส่วนในปีงบการเงินปัจจุบันซึ่งเริ่มต้นในเดือนเม.ย. 2567 นั้น คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะเพิ่มขึ้น 2.8% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 2.4%