นายออสแตน กูลสบี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า กรรมการเฟดจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้หากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงเหมือนในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายกูลสบีแสดงความเห็นดังกล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) โดยเขาแสดงความพอใจที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ดีดตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในช่วงต้นปีนี้
"หากเราเห็นว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงอีกเหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา เช่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 2% เราก็มีความมั่นใจมากขึ้นว่าเราจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้" นายกูลสบีกล่าว
ทางด้านนายโทมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองริชมอนด์เมื่อวานนี้เช่นกันว่า เขาต้องการให้ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"มุมมองส่วนตัวของผมก็คือ เราควรรอให้มีความมั่นใจมากขึ้นก่อนที่จะดำเนินการใด ๆ" นายบาร์กินกล่าว และย้ำว่าเขาต้องการให้เงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งหรือจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม นายบาร์กินกล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 2567 และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2568