นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย. และปรับลดอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในคืนนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 63.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 48.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 44.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า การที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกินไปและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
"แม้มีความคืบหน้าในการปรับลดเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงในตลาดแรงงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เงินเฟ้อไม่ใช่ความเสี่ยงประการเดียวที่เราเผชิญ แต่การผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ช้าเกินไปหรือน้อยเกินไปอาจสร้างความอ่อนแอต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน" นายพาวเวลกล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้
นายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับตลาดแรงงาน แม้มีการชะลอตัวลงบ้างในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เงินเฟ้อได้ชะลอตัวลง ขณะที่เฟดยังคงมีความมุ่งมั่นในการทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมาย 2%
"หลังจากที่ขาดความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อไปสู่เป้าหมาย 2% ในช่วงแรกของปีนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนครั้งล่าสุดก็ได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า และถ้าหากยังคงมีข้อมูลที่ดีปรากฎออกมาอีก ก็จะช่วยให้เรามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน" นายพาวเวลกล่าว
ขณะเดียวกัน นายพาวเวลกล่าวว่า ข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ชะลอตัวก็ตาม
"อุปสงค์ภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย แม้มีการชะลอตัวลง" นายพาวเวลกล่าว