บรรดาธนาคารในย่านวอลล์สตรีทเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก โดยพิจารณาจากหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา, บาร์เคลย์ส, ซิตี้กรุ๊ป, โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป และ เจพีมอร์แกน เชส ได้ปรับปรุงการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐในวันศุกร์ (2 ส.ค.) หลังจากการเปิดเผยข้อมูลแสดงให้เห็นว่า อัตราการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ค. โดยนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมดเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วขึ้นหรือมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า พวกเขาคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนก.ย.และพ.ย. และอีก 0.25% ในเดือนธ.ค. โดยก่อนหน้านี้พวกเขาคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมทั้งสามครั้ง
เวโรนิกา คลาร์กและแอนดรูว์ โฮลเลนฮอร์สต์คาดการณ์ว่า หลังจากนั้นเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมแต่ละครั้งไปจนถึงกลางปี 2568 ซึ่งจะทำให้กรอบอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3-3.25%
ไมเคิล เฟโรลี นักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า แม้ว่าเขาคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.50% ในเดือนก.ย.และพ.ย. ตามด้วยการปรับลด 0.25% ในทุกการประชุมหลังจากนั้น แต่เฟโรลีกล่าวว่า มีเหตุผลแข็งแกร่งที่เฟดจะดำเนินการก่อนการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 18 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม เฟโรลีกล่าวว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด อาจไม่ต้องการที่จะเพิ่มความไม่แน่นอนและความสับสนในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีสถานการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%