ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศกร้าวในวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า RBA ไม่ลังเลใจที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากจำเป็นต่อการควบคุมเงินเฟ้อ โดยตอกย้ำท่าทีคุมเข้มหลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูง
นางมิเชล บูลล็อก ผู้ว่าการ RBA กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองอาร์มิเดล รัฐนิวเซาท์เวลส์ บ้านเกิดของเธอ เมื่อไม่กี่วันหลังจากที่ RBA เพิ่งมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย โดยย้ำว่า คณะกรรมการฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
"ดิฉันรู้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยิน แต่ถ้าปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งสูงต่อเนื่อง ผลกระทบจะรุนแรงกว่าและส่งผลเสียต่อทุกคน" บูลล็อกกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า RBI คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.35% มาตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19 ที่เคยอยู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.1% โดยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันเข้มงวดเพียงพอที่จะกดเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 2%-3% โดยไม่กระทบตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งอยู่ที่ 3.9% ในไตรมาสที่ผ่านมา คาดว่าจะไม่อ่อนตัวลงจนกว่าจะถึงปลายปี 2568
นางบูลล็อกกล่าวว่า RBA ไม่เห็นแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากยังมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจก็ยังไม่น่าเป็นห่วง
"ตอนนี้เรายังมองไม่เห็นปัจจัยใดที่จะทำให้เราลดดอกเบี้ยได้เลย อย่าลืมนะว่าเราไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยแรงเหมือนชาติอื่น ดังนั้นเราจึงต้องเดินหน้าอย่างระมัดระวัง" นางบูลล็อกกล่าว
นางบูลล็อกกล่าวเสริมว่า หากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวเร็วเกินคาด RBA ก็ไม่ลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
แม้นางบูลล็อกจะส่งสัญญาณแข็งกร้าว แต่ตลาดยังคงเดิมพันว่า มีโอกาส 46% ที่ RBA อาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนพ.ย.นี้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนธ.ค.อย่างแน่นอน
ด้านธนาคารเวสต์แพค (Westpac) ของออสเตรเลียได้ปรับทิศทางการคาดการณ์ครั้งใหญ่ โดยชี้ว่า RBA อาจเลื่อนการลดดอกเบี้ยครั้งแรกไปเป็นก.พ.ปีหน้า จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย.นี้
ลูซี เอลลิส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเวสต์แพควิเคราะห์ว่า "เห็นได้ชัดว่า ระดับความมั่นใจของ RBA ต่อการคาดการณ์เหล่านี้ ยังไม่มากพอที่จะพิจารณาดำเนินการใด ๆ ในระยะสั้น"