นักลงทุนพากันเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 76.5% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 64.0% เมื่อวานนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 23.5% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 36.0% เมื่อวานนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนมิ.ย.
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์ ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 4,500 ราย สู่ระดับ 236,500 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 1.86 ล้านราย และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.88 ล้านราย