ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมในวันนี้ โดยระบุว่า หลังจากกรรมการ RBA ได้อภิปรายกันในประเด็นที่ว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในการประชุมเดือนส.ค. ในที่สุดกรรมการ RBA ได้เห็นพ้องร่วมกันว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ และเห็นว่านโยบายการเงินของ RBA อาจจำเป็นต้องอยู่ในระดับที่คุมเข้มต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง
รายงานการประชุมนโยบายการเงินซึ่งมีขึ้นในวันที่ 5-6 ส.ค.บ่งชี้ว่า กรรมการ RBA ได้มีการหารือกันเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.35% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (underlying inflation) อยู่ที่ระดับ 3.9% ซึ่งยังคงเป็นระดับที่สูงเกินไป และภาวะด้านการเงินเริ่มผ่อนคลายลง โดยการขยายตัวด้านสินเชื่อและราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี กรรมการ RBA ได้ตัดสินใจว่า การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้นนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพในการฉุดเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงสู่เป้าหมายในช่วงเวลาที่เหมาะสม และระบุว่า นโยบายการเงินของ RBA จำเป็นต้องอยู่ในระดับคุมเข้มต่อไปจนกว่ากรรมการ RBA จะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวสู่กรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ กรรมการ RBA มองว่า การที่ตลาดคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนธ.ค.ปีนี้ ถือเป็นการคาดการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่กรอบกลางของเป้าหมายที่ระดับ 2% - 3% ในปี 2569
ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ RBA มีมติอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.35% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีและเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 6 ครั้ง แต่คณะกรรมการ RBA ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากจำเป็น โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในวันดังกล่าว มีขึ้นหลังจากออสเตรเลียเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ชะลอตัวลงมากกว่าคาดในไตรมาส 2/2567 และมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางหลายแห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้วก่อนหน้านี้ หรือส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า RBA อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีนี้