ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวในวันพุธ (28 ส.ค.) ว่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นจึงอาจถึงเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่เขาก็ต้องการความมั่นใจก่อนจะดำเนินการดังกล่าว
บอสติกกล่าวว่า เขาต้องการข้อมูลยืนยันจากรายงานการจ้างงานรายเดือนและรายงานเงินเฟ้อสองฉบับ ก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย. เพื่อให้มั่นใจว่า แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงดำเนินไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้
เขากล่าวในงานที่จัดโดยสแตนฟอร์ด คลับ ออฟ จอร์เจีย (Stanford Club of Georgia) และสแตนฟอร์ด แบล็ก อะลัมไน แอสโซซิเอชัน-แอตแลนตา (Stanford Black Alumni Association-Atlanta) ว่า "ผมไม่ต้องการให้เราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เราปรับลดอัตราดอกเบี้ย แล้วต้องกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เพราะนั่นจะเป็นผลลัพธ์ที่แย่มาก" เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเฟด
"ถ้าผมจะทำผิดพลาดในด้านใดด้านหนึ่ง ผมเลือกที่จะรอนานขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า เราจะไม่เจอกับสถานการณ์ที่ต้องปรับขึ้นและลดอัตราดอกเบี้ยซ้ำ ๆ "
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 5.25-5.50% มานานกว่า 1 ปี เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เมื่อพิจารณาจากการที่แรงกดดันด้านราคาได้ลดลงอย่างมาก และตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว
ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีนี้นั้น บอสติกคาดว่า เฟดจำเป็นจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียงครั้งเดียวในปีนี้ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บอสติกได้ส่งสัญญาณว่า เขาเปิดกว้างต่อการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วกว่านั้น