ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวเมื่อวันอังคาร (8 ต.ค.) ว่า การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้น เป็นการตัดสินใจที่ "เหมาะสมกับจังหวะเวลา" โดยไม่ใช่การตอบสนองต่อสถานการณ์ หรือเป็นการป้องกันล่วงหน้าแต่อย่างใด
"การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปอย่างเหมาะสมกับจังหวะเวลาและสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก 2 ประการของเฟด นั่นคือ การรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 2% และการสร้างการจ้างงานสูงสุด" เจฟเฟอร์สันกล่าวในการบรรยายที่วิทยาลัยเดวิดสันในรัฐนอร์ทแคโรไลนา
เจฟเฟอร์สันกล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของเฟดในการบรรลุเป้าหมายแรกด้วยการควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลง ทำให้เฟด "สามารถให้ความสำคัญกับอีกด้านหนึ่งของเป้าหมายมากขึ้น"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในเดือนก.ย. เจฟเฟอร์สันได้ลงคะแนนเสียงร่วมกับกรรมการเฟดส่วนใหญ่เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
"เป้าหมายของเราในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือการลดอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานอย่างรุนแรงหรือไร้ระเบียบ นั่นคือเหตุผลที่เราคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับสูงมากเป็นระยะเวลานาน เพราะเราต้องการลดอัตราเงินเฟ้อในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงไปได้ดี" เจฟเฟอร์สันกล่าว
ต่างจากการต่อสู้กับเงินเฟ้อในอดีต อัตราการว่างงานในรอบนี้กลับไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยยังคงอยู่ต่ำกว่า 4% เป็นส่วนใหญ่ในช่วงเวลาดังกล่าว
"ประสิทธิภาพของตลาดแรงงานทำให้เรามีพื้นที่ในการรักษานโยบายการเงินให้อยู่ในระดับที่เข้มงวดเป็นระยะเวลานาน" เจฟเฟอร์สันกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจฟเฟอร์สันระบุเสริมว่า การที่อัตราการว่างงานเริ่มปรับตัวสูงขึ้น (ปัจจุบันอยู่ที่ 4.1%) และอัตราเงินเฟ้อลดลงใกล้เคียงกับเป้าหมาย 2% ของเฟด จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะปรับ นโยบายการเงิน