ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ในการประชุมวันนี้ (31 ต.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากพรรครัฐบาลญี่ปุ่นสูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ คณะกรรมการ BOJ ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสด จะอยู่ที่ระดับ 2.5% ในปีงบประมาณปัจจุบันที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2568 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี BOJ ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสำหรับปีงบประมาณ 2568 ลงสู่ระดับ 1.9% จากระดับ 2.1% โดยต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพของ BOJ ที่ระดับ 2%
การที่ BOJ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำในการประชุมวันนี้นับเป็นการส่งสัญญาณว่า BOJ จำเป็นต้องประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรอบคอบ และยังสะท้อนให้เห็นว่า BOJ มุ่งเน้นไปที่การจับตาความเสี่ยงที่จะมีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินครั้งต่อไป
BOJ ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสซึ่งมีการเผยแพร่หลังการประชุมวันนี้ว่า "BOJ จำเป็นต้องให้ความสนใจต่อทิศทางในอนาคตของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และพัฒนาการในตลาดการเงิน ? นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องตรวจสอบว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของญี่ปุ่นอย่างไร รวมทั้งความเสี่ยงแวดล้อม และความเป็นไปได้ที่แนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้"
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการแถลงข่าวของคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ในวันนี้ เวลา 13.30 น. ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต