คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ (31 ต.ค.) โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ตามคาด และส่งสัญญาณถึงความจำเป็นในการประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรอบคอบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า BOJ มุ่งเน้นไปที่การจับตาความเสี่ยงที่จะมีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินครั้งต่อไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ อุเอดะกล่าวว่า "สำหรับช่วงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปนั้น เราไม่มีแนวคิดที่จะกำหนดไว้ล่วงหน้า โดยเราจะประเมินข้อมูลที่มีการเปิดเผยในช่วงเวลาที่การประชุมนโยบายการเงินจัดขึ้นแต่ละครั้ง และเราจะอัปเดตมุมมองเศรษฐกิจและแนวโน้มเศรษฐกิจในการประชุมดังกล่าว"
ทั้งนี้ อุเอดะกล่าวว่า "BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับการคาดการณ์"
อุเอดะได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่า "เราได้เห็นข้อมูลเชิงบวกบางรายการของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนว่าการที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมานั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออย่างไร เราจึงจำเป็นต้องจับตาพัฒนาการต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง"
"เมื่อเรา 'ใช้เวลา' ในการติดตามความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ นั้น เราพบว่าข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ได้นำไปสู่ความผันผวนในตลาด ซึ่งเราเห็นว่ามีผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นมากกว่าข้อมูลอื่น ๆ"
"นับตั้งแต่นั้น เราได้เห็นข้อมูลสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างดีขึ้น แต่เราก็ยังไม่มั่นใจอย่างเต็มที่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งนี่คือเหตุผลที่เรานำปัจจัยนี้เพิ่มเข้าไปในรายงานแนวโน้มนโยบายการเงิน" อุเอดะกล่าว
นอกจากนี้ อุเอดะยังกล่าวถึงค่าจ้างและเงินเฟ้อของญี่ปุ่นว่า "เมื่อพิจารณาข้อมูลภายในประเทศพบว่า ค่าจ้างและเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเรา ส่วนความเสี่ยงขาลงที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ นั้น เราเห็นว่าความเสี่ยงเหล่านั้นเริ่มลดน้อยลง"